วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561

นวนิยาย : หน้าต่างบานแรก


ชื่อเรื่อง : หน้าต่างบานแรก
ผู้แต่ง: ปลายปากกาของ กฤษณา อโศกสิน
สำนักพิมพ์ : สำนักพิมพ์บำรุงสาส์น  พิมพ์เมื่อ ปี พ.ศ. 2529
จุดประสงค์ของการแต่ง : 'หน้าต่างบานแรกเป็นนวนิยายสะท้อนสังคม ได้สอดแทรกหลักในการดำเนินชีวิตต่างๆมากมาย หลักการอยู่ร่วมกับผู้อื่น 

สรุปเนื้อหาโดยสังเขป
            หน้าต่างบานแรกเกี่ยวกับเด็กหนุ่มวัยรุ่นผู้มีชื่อว่า 'ฉายาหรือ 'ฉายเขาเกิดขึ้นมาในครอบครัวที่อบอุ่น พ่อแม่ทำงานเป็นข้าราชการ ถึงแม้ว่าเขาจะเรียนถึงกับเก่งเลิศเลอ แต่เขาก็เป็นเด็กเรียบร้อย ไม่เคยเกเร ทว่าวันหนึ่ง เมื่อเขาได้พบกับ 'หนึ่งทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป เขาทำเธอท้องและรับผิดชอบด้วยการพาเธอมาอยู่ด้วยที่บ้าน ซึ่งนั่นทำให้พ่อแม่ของฉายเสียใจมากที่เห็นลูกชายคนเดียวทำตัวเหลวไหล
            แรกๆ ฉายาและหนึ่งรักกันมาก ชอบพูดคุยคิกคักหัวร่อต่อกระซิกกันสองคน แต่เมื่อเวลาผ่านไป หนึ่งท้องโตขึ้นเรื่อยๆ และด้วยความที่เธอเป็นวัยรุ่น ทำให้เธอไม่มีความอดทน เธอเหวี่ยงใส่คนรอบตัว เธอไม่เคยมีความเคารพพ่อกับแม่ของฉายา และทะเลาะกับฉายาบ่อยครั้ง ซึ่งนั่นทำให้พ่อแม่ของฉายากลุ้มใจมาก
            เมื่อหนึ่งคลอดลูก พ่อแม่ของฉายาตั้งชื่อเด็กว่าฉม 'ฉมทำให้บ้านหลังนี้ดูสดชื่นขึ้น แต่หนึ่งเริ่มหมดรักฉายาเมื่อเธอพบรักใหม่ เธอไม่สนใจลูก ตั้งหน้าตั้งตาแต่งหน้าแต่งตัวออกไปทำงานข้างนอก ฉายาเริ่มตระหนักในความผิดพลาดของตน เขาเคยคิดว่าหนึ่งคือดอกไม้ที่งดงามสำหรับเขา เขาคิดว่าเขาจะมีความสุขเมื่ออยู่กับเธอ แต่ทุกอย่างมันกลับตรงกันข้าม ทำให้เขาได้รู้ว่าหน้าต่างบานแรกไม่ได้สวยงามเสมอ

ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง
          นวนิยายเรื่องหน้าต่างบานแรก ได้สอดแทรกหลักในการดำเนินชีวิตต่างๆมากมาย หลักการอยู่ร่วมกับผู้อื่น และสอนใจวัยรุ่นได้อย่างดีเยี่ยม ในเรื่องสะท้อนชีวิตของฉายาที่หน้าต่างบานแรกของเขาพบเจอกลับดอกไม้ที่สวยงาม แต่ภายในดอกไม้นั้นมีหนอนชอนไชอยู่มากมาย มันทำให้เขาได้เข้าใจว่าสิ่งที่ตาเห็นไม่ใช่สิ่งที่จริงเสมอไป


วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561

การศึกษาแบบไหนสอนให้คิดเป็น


การศึกษาแบบไหนสอนให้คิดเป็น


สังคมไทยเป็นสังคมที่ใช้ความรุนแรง จึงมีแต่ข่าวฆ่ากัน ตีกันตั้งแต่ยังเป็นเด็กนักเรียน ไปจนถึงความรุนแรงในครอบครัว ในชุมชน ในเมือง เรามีการศึกษาแบบไหนคนถึงไม่ใช้เหตุผล ไม่ใช้สมองคิด ไม่ใช้ปัญญาแต่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา หรือว่าเราใช้แต่เงินในการพัฒนาประเทศ ถึงดูเหมือนว่า ยิ่งเรียนยิ่งโง่ยิ่งพัฒนายิ่งจน
          
          การศึกษาไทยมีมานานพอๆ กับญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ตั้งแต่ก่อนอนุบาลไปจนถึงอุดมศึกษาปริญญาตรีโทเอก เหมือนประเทศอื่น แล้วทำไมเรียนแล้วถึงไม่มีปัญญาเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาสังคมให้ดีกว่านี่ วัดผลออกมาทีไรลูกหลานบ้านเราก็สอบตกเกือบทุกวิชา ทุกปี หรือได้ที่ท้ายๆ ทุกครั้งเมื่อเทียบกับชาติอื่น ความจริงเด็กทุกคนเกิดมาล้วนอยากเรียนรู้และตั้งคำถามากมาย จนมีการพูดกันว่า man is born genius but dies idiot คนเกิดฉลาด แต่ตายโง่ ยิ่งโตยิ่งไม่อยากรู้อะไรอีก ชอบพูดว่า “รู้แล้วๆ”หรือว่าการศึกษาของเราแทนที่จะทำให้เด็กฉลาดขึ้น กลับทำให้โง่ลง

อาจจะเป็นเพราะการศึกษาไทยไม่สอนให้คนตั้งคำถาม สอนแต่ให้ท่องจำคำตอบสำเร็จรูป มาเรียนเพื่อจะได้ตอบให้ตรงคำถาม  เด็กไทยไม่ถาม เพราะถามไม่เป็น การศึกษาไม่ได้สอนให้ถามเป็น สอนให้ตอบเป็นอย่างเดียวไม่สอนให้ถกเถียง เพราะถือว่าเถียงเป็นเรื่องไม่ดี เถียงผู้ใหญ่ไม่ได้ เถียงครูไม่ได้ เด็กดีจึงไม่ถาม ไม่เถียง ไม่วิจารณ์พอมีโอกาสจึงทะลุกลางป้องเป็นการเถียงและด่าไปเลย กลายเป็นความรุนแรงในสังคม
     
         การเกิดขึ้นของ “โรงเรียนแห่งแรกของโลก” ในตะวันตก  ครูของเขาได้เริ่มต้น คือการเรียนการสอนแบบ “วิภาษวิธี” (dialectic) ซึ่งเริ่มจากการตั้ง “ตัวยืน” (thesis)ข้อเท็จจริงหรือสิ่งที่คนเข้าใจหรือเชื่อ แล้วเกิดคำถาม ความเห็นแย้ง การวิจารณ์ (anti-thesis)ที่จะนำไปสู่การหาข้อสรุปใหม่ (synthesis) จากนั้นก็มีการตั้งคำถาม ความเห็นแย้งใหม่อีก และนำไปสู่ข้อสรุปใหม่เช่นนี้เรื่อยไป กระบวนการนี้เองที่ทำให้เกิดความรู้ใหม่ เกิดนวัตกรรม เกิดการเปลี่ยนแปลง

         ดังนั้น  ถ้าระบบการศึกษาไทยสอนให้นักเรียนตั้งคำถาม กล้าแสดงความคิดเห็น ไม่สอนแบบท่องจำหรือติวเพื่อจะได้นำเนื้อหาเพื่อไปสอบในด้านต่างๆเท่านั้น     อาจทำให้ระบบการจัดการศึกษาของไทยดีขึ้นไม่มากก็น้อย   

แหล่งที่มา https://www.kroobannok.com/78099

นายยศภัทร เกลี้ยงกลม
รหัสนิสิต 601031044
วิชาเอกกการวัดและประเมินทางการศึกษา


นวนิยาย : หน้าต่างบานแรก

ชื่อเรื่อง : หน้าต่างบานแรก ผู้แต่ง:   ปลายปากกาของ กฤษณา อโศกสิน สำนักพิมพ์ :   สำนักพิมพ์บำรุงสาส์น  พิมพ์เมื่อ ปี พ.ศ.  2529 ...